วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ใบงานที่ 3 google chrome
เรื่อง Web Browser ที่นักเรียนชอบมากที่สุด
ให้นักเรียน เลือก Web Browser ที่ชอบมากที่สุด
-Google Chrome
พร้อมหารายละเอียดเกี่ยวกับเว็บนั้นๆ
-Google Chrome เป็นซอฟต์แวร์เว็บเบราว์เซอร์แบบโอเพนซอร์ซ พัฒนาโดยกูเกิล ใช้เว็บคิตเป็นเรนเดอริงเอนจินสำหรับวาดหน้าจอ และนำบางส่วนจากเว็บเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์มาพัฒนาต่อ
โครมมีให้ดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานสำหรับวินโดวส์ และมีภาษาที่ให้ใช้ได้มากกว่า 50 ภาษารวมถึงภาษาไทย รุ่นสำหรับแมคโอเอส และ ลินุกซ์ นั้นกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเปิดให้ทดสอบในอนาคต
ประวัติ
กูเกิลเปิดตัวโครมด้วยหนังสือการ์ตูนความยาวเกือบ 40 หน้า เล่ารายละเอียดของเบราว์เซอร์ เล่าว่าได้ทีมงานพัฒนาเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์และอดีตทีมงานมอซิลลามากกว่า 2 คนร่วมพัฒนา
รูปแบบ
รุ่นทดสอบ 0.2 ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เน้นการจัดการหน่วยความจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพด้านความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ และสิ่งที่แตกต่างจาก ไออี 8 อย่างหน้าตาโปรแกรมให้ใช้งานสะดวกมีการปรับให้แท็บย้ายไปอยู่เหนือแอดเดรสบาร์ (address bar) และการฝังระบบบริการจากกูเกิลและค่ายอื่นลงไป เหมือนกับไฟร์ฟอกซ์ (Firefox) และไออี 8 (IE 8) และยังมีการแสดงรายชื่อมัลแวร์ (malware) หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้าย เพื่อเตือนผู้ใช้ และลูกเล่นอื่น ๆ
ความสามารถ-V8 JavaScript engine - ตัวประมวลผลจาวาสคริปต์ ซึ่งสามารถทำงานได้เร็วกว่าจาวาสคริปต์เอนจินของเว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่น พัฒนาโดยกูเกิลเดนมาร์ก โดยมี ลารส์ บัก เป็นวิศวกรหลัก
-incognito mode (โหมดไม่ระบุตัวตน) - เล่นเว็บโดยไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว โดยเมื่อปิดเบราว์เซอร์ โปรแกรมจะลบข้อมูลส่วนตัวในหน้าเว็บที่เข้าชมออก ไม่เก็บไว้ในระบบ
การใช้งาน
- Ctrl + T : ใช้สำหรับ เปิด Tab ใหม่ ในหน้าต่างเดิม (Open New Tab)
- Ctrl + Shift + N : เปิด หน้าต่าง Google Chrome เพิ่ม ในโหมด Incognito
- Ctrl + Shift + T : เปิด Tab ที่เคยปิดไปล่าสุด สูงสุด 10 Tab
-ALT + F หรือ ALT + E : เปิดเมนูบาร์ Google Chrome
-Ctrl + Shift + B : เปิด / ปิด แถบ Bookmark
- Ctrl + H : เปิดดู History
- Ctrl + J : เปิดดูรายการดาวน์โหลด
- Shift + ESC : เปิด Google Chrome Task Manager เพื่อดูว่าหน้าไหนที่ทำให้ระบบช้า และเลือกปิดได้
สำหรับ Incognito Mode นั้น คือ โหมดส่วนตัว ซึ่งข้อมูลเว็บไซต์ที่เราเข้าด้วยโหมดนี้ จะไม่ถูกเก็บลง History นั่นเอง และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจำนวน Shortcut ที่มีอยู่บน Google Chrome นะครับ และถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเยอะจนไม่น่าจะจำได้ แต่ถ้าหากเราใช้บ่อยๆ ในทุกๆวัน ก็น่าจะชินไปเองครับ
-Google Chrome
พร้อมหารายละเอียดเกี่ยวกับเว็บนั้นๆ
-Google Chrome เป็นซอฟต์แวร์เว็บเบราว์เซอร์แบบโอเพนซอร์ซ พัฒนาโดยกูเกิล ใช้เว็บคิตเป็นเรนเดอริงเอนจินสำหรับวาดหน้าจอ และนำบางส่วนจากเว็บเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์มาพัฒนาต่อ
โครมมีให้ดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานสำหรับวินโดวส์ และมีภาษาที่ให้ใช้ได้มากกว่า 50 ภาษารวมถึงภาษาไทย รุ่นสำหรับแมคโอเอส และ ลินุกซ์ นั้นกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเปิดให้ทดสอบในอนาคต
ประวัติ
กูเกิลเปิดตัวโครมด้วยหนังสือการ์ตูนความยาวเกือบ 40 หน้า เล่ารายละเอียดของเบราว์เซอร์ เล่าว่าได้ทีมงานพัฒนาเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์และอดีตทีมงานมอซิลลามากกว่า 2 คนร่วมพัฒนา
รูปแบบ
รุ่นทดสอบ 0.2 ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เน้นการจัดการหน่วยความจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพด้านความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ และสิ่งที่แตกต่างจาก ไออี 8 อย่างหน้าตาโปรแกรมให้ใช้งานสะดวกมีการปรับให้แท็บย้ายไปอยู่เหนือแอดเดรสบาร์ (address bar) และการฝังระบบบริการจากกูเกิลและค่ายอื่นลงไป เหมือนกับไฟร์ฟอกซ์ (Firefox) และไออี 8 (IE 8) และยังมีการแสดงรายชื่อมัลแวร์ (malware) หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้าย เพื่อเตือนผู้ใช้ และลูกเล่นอื่น ๆ
ความสามารถ-V8 JavaScript engine - ตัวประมวลผลจาวาสคริปต์ ซึ่งสามารถทำงานได้เร็วกว่าจาวาสคริปต์เอนจินของเว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่น พัฒนาโดยกูเกิลเดนมาร์ก โดยมี ลารส์ บัก เป็นวิศวกรหลัก
-incognito mode (โหมดไม่ระบุตัวตน) - เล่นเว็บโดยไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว โดยเมื่อปิดเบราว์เซอร์ โปรแกรมจะลบข้อมูลส่วนตัวในหน้าเว็บที่เข้าชมออก ไม่เก็บไว้ในระบบ
การใช้งาน
คีย์ลัด บน Google Chrome เชื่อได้ว่า หลายๆท่านอาจจะเคยใช้ คีย์ลัด ที่เป็นของระบบปฏิบัติการ Windows มาบ้าง อย่างน้อยก็ Copy Paste (Ctrl + C , Ctrl + V) ที่น่าจะถูกใช้บ่อยสุด ซึ่งแน่นอนครับว่า มันช่วยในเรื่องของความเร็วในการใช้งาน และ บน Google Chrome ก็เช่นกัน หากเราสามารถใช้คีย์ลัดเหล่านี้ได้คล่อง ก็น่าจะช่วยให้เราใช้งาน Google Chrome ได้ดียิ่งขึ้นแน่นอน
- Ctrl + N : ใช้สำหรับ เปิดหน้าต่าง Google Chrome เพิ่มอีกหนึ่งอัน (Open New Window)- Ctrl + T : ใช้สำหรับ เปิด Tab ใหม่ ในหน้าต่างเดิม (Open New Tab)
- Ctrl + Shift + N : เปิด หน้าต่าง Google Chrome เพิ่ม ในโหมด Incognito
- Ctrl + Shift + T : เปิด Tab ที่เคยปิดไปล่าสุด สูงสุด 10 Tab
-ALT + F หรือ ALT + E : เปิดเมนูบาร์ Google Chrome
-Ctrl + Shift + B : เปิด / ปิด แถบ Bookmark
- Ctrl + H : เปิดดู History
- Ctrl + J : เปิดดูรายการดาวน์โหลด
- Shift + ESC : เปิด Google Chrome Task Manager เพื่อดูว่าหน้าไหนที่ทำให้ระบบช้า และเลือกปิดได้
สำหรับ Incognito Mode นั้น คือ โหมดส่วนตัว ซึ่งข้อมูลเว็บไซต์ที่เราเข้าด้วยโหมดนี้ จะไม่ถูกเก็บลง History นั่นเอง และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจำนวน Shortcut ที่มีอยู่บน Google Chrome นะครับ และถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเยอะจนไม่น่าจะจำได้ แต่ถ้าหากเราใช้บ่อยๆ ในทุกๆวัน ก็น่าจะชินไปเองครับ
เปลี่ยนไอคอน Google Chrome เป็น สีทอง (Gold Version)
สำหรับฟังก์ชั่นนี้ ไม่น่าจะช่วยเรื่องการใช้งานสักเท่าไหร่ เพียงแต่ อาจจะใช้เพิ่มความหรูให้กับผู้ใช้ได้บ้าง หรือจะเอาไว้โม้เพื่อนว่าเป็นเวอร์ชั่นพิเศษ Gold Edition ก็สามารถทำได้ ซึ่งจริงๆแล้ว เทคนิคนี้ เป็นเพียงแค่การเปลี่ยน Icon เป็นสีทอง ซึ่งเป็นไอค่อนที่ทาง Google ได้แนบมาไว้ให้อยู่แล้วครับ ซึ่งวิธีเปลี่ยนก็ง่ายๆ เลย เพียงแค่คลิกขวาที่ Icon Google Chrome แล้วเลือก Property หลังจากนั้นให้เลือก Change Icon ก็จะเห็น Icon ของ Google Chrome ที่เป็นสีทองมาให้เลือกกัน
Favicon บน แถบ Bookmark เมื่อเราทำการ Bookmark หน้าเว็บใดๆก็ตาม หน้าที่เราดำเนินการล่าสุด จะถูกเพิ่มลงในแถบ Bookmark ซึ่งจะมี Icon ของเว็บเพจนั้นๆ และตามมาด้วยข้อความของเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งถ้าหากเราต้องการที่จะทำให้ ข้อความเหล่านั้นหายไป เหลือเพียงแค่ Icon ของเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อประหยัดเนื้อที่ และยังสามารถ เพิ่มเว็บไซต์ในแถบ Bookmark ให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้นได้ก็ทำวิธีนี้กันเลย
ซึ่งวิธีทำนั้นก็ไม่ยากเลยครับ ก่อนอื่น ต้องมั่นใจว่า แถบ Bookmark ได้เปิดไว้ หรือถ้าหากยังไม่ได้เปิด ก็ลองใช้คีย์ลัดที่เราเพิ่งได้อ่านผ่านมาก่อนหน้าดูได้เลย (Ctrl + Shift + B เพื่อเปิดแถบ Bookmark) หลังจากนั้น หากเรามี Bookmark ไว้อยู่แล้ว ให้ทำการคลิกขวาที่ Bookmark ที่เราต้องการจะลบข้อความออก แล้วเลือก Edit เมื่อกดแล้วเราจะเห็นหน้าต่างใหม่เพิ่มขึ้นมา โดยจะมีช่อง Name อยู่ ให้ทำการลบข้อความที่อยู่ในช่อง Name ออกให้หมด แล้วกด Save เพียงเท่านี้ แถบ Bookmark ดังกล่าว ก็จะเหลือแค่ Icon อย่างเดียวเท่านั้น
ตั้งค่าหน้า Home ได้ตามใจ บราวซ์เซอร์ท่ัวไป อาจจะตั้งหน้า Home หรือหน้าแรก เมื่อเปิดบราวเซอร์ขึ้นมาได้แค่เพียงเว็บไซต์เดียว แต่ถ้าหากเรามีหน้าเว็บที่อยากตั้งเป็นหน้า Home มากกว่าหนึ่งล่ะ Google Chrome ช่วยคุณได้ ซึ่ง บน Google Chrome นั้นสามารถเพิ่มหน้า Home ได้มากกว่าหนึ่งหน้า ซึ่งเมื่อคุณเปิด บราวเซอร์ขึ้นมา ทุกเว็บที่คุณได้ต้ังค่าเอาไว้ จะถูกเปิดมาพร้อมๆกันในครั้งเดียว (แยก Tab) ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยากเลยครับ เพียงแค่เราไปที่เมนู แล้วเลือก Setting หลังจากนั้นให้คลิกเลือกที่ Open a specific page or set of pages และเลือก Setpage ซึ่งในหน้า Setpage นี่เอง ที่เราสามารถเพิ่มเว็บไซต์ต่างๆได้ตามใจชอบ
แกล้งเพื่อนของคุณด้วย Fake Edit
สำหรับฟังก์ชั่นนี้ ไม่น่าจะช่วยเรื่องการใช้งานสักเท่าไหร่ เพียงแต่ อาจจะใช้เพิ่มความหรูให้กับผู้ใช้ได้บ้าง หรือจะเอาไว้โม้เพื่อนว่าเป็นเวอร์ชั่นพิเศษ Gold Edition ก็สามารถทำได้ ซึ่งจริงๆแล้ว เทคนิคนี้ เป็นเพียงแค่การเปลี่ยน Icon เป็นสีทอง ซึ่งเป็นไอค่อนที่ทาง Google ได้แนบมาไว้ให้อยู่แล้วครับ ซึ่งวิธีเปลี่ยนก็ง่ายๆ เลย เพียงแค่คลิกขวาที่ Icon Google Chrome แล้วเลือก Property หลังจากนั้นให้เลือก Change Icon ก็จะเห็น Icon ของ Google Chrome ที่เป็นสีทองมาให้เลือกกัน
Favicon บน แถบ Bookmark เมื่อเราทำการ Bookmark หน้าเว็บใดๆก็ตาม หน้าที่เราดำเนินการล่าสุด จะถูกเพิ่มลงในแถบ Bookmark ซึ่งจะมี Icon ของเว็บเพจนั้นๆ และตามมาด้วยข้อความของเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งถ้าหากเราต้องการที่จะทำให้ ข้อความเหล่านั้นหายไป เหลือเพียงแค่ Icon ของเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อประหยัดเนื้อที่ และยังสามารถ เพิ่มเว็บไซต์ในแถบ Bookmark ให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้นได้ก็ทำวิธีนี้กันเลย
ซึ่งวิธีทำนั้นก็ไม่ยากเลยครับ ก่อนอื่น ต้องมั่นใจว่า แถบ Bookmark ได้เปิดไว้ หรือถ้าหากยังไม่ได้เปิด ก็ลองใช้คีย์ลัดที่เราเพิ่งได้อ่านผ่านมาก่อนหน้าดูได้เลย (Ctrl + Shift + B เพื่อเปิดแถบ Bookmark) หลังจากนั้น หากเรามี Bookmark ไว้อยู่แล้ว ให้ทำการคลิกขวาที่ Bookmark ที่เราต้องการจะลบข้อความออก แล้วเลือก Edit เมื่อกดแล้วเราจะเห็นหน้าต่างใหม่เพิ่มขึ้นมา โดยจะมีช่อง Name อยู่ ให้ทำการลบข้อความที่อยู่ในช่อง Name ออกให้หมด แล้วกด Save เพียงเท่านี้ แถบ Bookmark ดังกล่าว ก็จะเหลือแค่ Icon อย่างเดียวเท่านั้น
ตั้งค่าหน้า Home ได้ตามใจ บราวซ์เซอร์ท่ัวไป อาจจะตั้งหน้า Home หรือหน้าแรก เมื่อเปิดบราวเซอร์ขึ้นมาได้แค่เพียงเว็บไซต์เดียว แต่ถ้าหากเรามีหน้าเว็บที่อยากตั้งเป็นหน้า Home มากกว่าหนึ่งล่ะ Google Chrome ช่วยคุณได้ ซึ่ง บน Google Chrome นั้นสามารถเพิ่มหน้า Home ได้มากกว่าหนึ่งหน้า ซึ่งเมื่อคุณเปิด บราวเซอร์ขึ้นมา ทุกเว็บที่คุณได้ต้ังค่าเอาไว้ จะถูกเปิดมาพร้อมๆกันในครั้งเดียว (แยก Tab) ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยากเลยครับ เพียงแค่เราไปที่เมนู แล้วเลือก Setting หลังจากนั้นให้คลิกเลือกที่ Open a specific page or set of pages และเลือก Setpage ซึ่งในหน้า Setpage นี่เอง ที่เราสามารถเพิ่มเว็บไซต์ต่างๆได้ตามใจชอบ
แกล้งเพื่อนของคุณด้วย Fake Edit
นี่เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะแกล้งเพื่อนของคุณด้วยวิธีง่ายๆ ถ้าหากคุณสามารถแก้ไขข้อความต่างๆบนเว็บไซต์ชื่อดัง และ เซฟ Screenshot ไปให้เพื่อนดูได้ คิดว่าน่าสนุกขนาดไหน ยกตัวอย่างจากภาพด้านบน เป็นหน้าเว็บที่ถูกแก้ไขหัวข้อของข่าวเป็น บริษัท AMD ซื้อ Intel ด้วยราคา 35 ล้านเหรียญ ซึ่งจะเห็นว่า URL นั้นยังคงเป็น URL เดิม ไม่ต้องเหนื่อยมานั่งตัดต่อด้วย Photoshop อีกด้วย วิธีทำก็ง่ายๆเลยครับ เพียงแค่เราคลิ๊กขวาตรงส่วนไหนก็ตามที่เราอยากแก้ไข แล้วเลือก Inspect Element หลังจากนั้น Google Chrome จะเปิดหน้าต่างสำหรับ Developer ขึ้นมา และมาร์คจุดที่เราเลือกเมื่อสักครู่เอาไว้ ทีนี้ เราแค่ดับเบิ้ลคลิ๊กในส่วนที่อยากจะแก้ แล้วก็พิมข้อความไปได้ตามใจชอบเลยล่ะ
ความคุม Google Chrome ให้ได้ดั่งใจ
สำหรับ Google Chrome นั้นยังมีหน้าพิเศษ ที่ให้เราสามารถเปิดปิด ความสามารถของ Google Chrome ได้อีกด้วย ซึ่งหากเราลองพิมคำว่า chrome://flags/ ลงไปในช่อง Address ตัวบราวเซอร์เอง ก็จะพามายังหน้า ที่ให้คุณเลือก เปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆได้ตามใจชอบ แต่การเปิดปิด ฟังก์ชั่นต่างๆนั้นอาจจะต้องระวังกันสักนิดนึงนะครับเพราะอาจจะทำให้การเข้าเว็บไซต์ได้ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมนั่นเอง หรือจะลองพิมคำว่า chrome://memory เพื่อดูการใช้งาน Memory ของเครื่อง ว่าใช้ไปมากน้อยแค่ไหน และ chrome://about ในหน้านี้ จะรวมคำสั่งและคีย์ลัดต่างๆเพิ่มเติมอีกมากมาย
สร้าง Account ใหม่ สำหรับผู้ใช้งาน Google Chrome
ความคุม Google Chrome ให้ได้ดั่งใจ
สำหรับ Google Chrome นั้นยังมีหน้าพิเศษ ที่ให้เราสามารถเปิดปิด ความสามารถของ Google Chrome ได้อีกด้วย ซึ่งหากเราลองพิมคำว่า chrome://flags/ ลงไปในช่อง Address ตัวบราวเซอร์เอง ก็จะพามายังหน้า ที่ให้คุณเลือก เปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆได้ตามใจชอบ แต่การเปิดปิด ฟังก์ชั่นต่างๆนั้นอาจจะต้องระวังกันสักนิดนึงนะครับเพราะอาจจะทำให้การเข้าเว็บไซต์ได้ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมนั่นเอง หรือจะลองพิมคำว่า chrome://memory เพื่อดูการใช้งาน Memory ของเครื่อง ว่าใช้ไปมากน้อยแค่ไหน และ chrome://about ในหน้านี้ จะรวมคำสั่งและคีย์ลัดต่างๆเพิ่มเติมอีกมากมาย
สร้าง Account ใหม่ สำหรับผู้ใช้งาน Google Chrome
หากคุณใช้งาน Google Chrome ร่วมกับคนอื่น อาจจะเจอปัญหาในเรื่องของ History ปนกับคนอื่น Bookmark หรือ แม้แต่พาสเวิร์ดที่เคยกรอกบนเว็บไซต์ต่างๆ แต่บน Google Chrome คุณสามารถแยก Account การใช้งานได้ โดยข้อมูลต่างๆจะถูกเก็บที่ Account นั้นๆ นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง User หรือ สลับการใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่กด Ctrl + Shift + M ก็จะพบกับหน้าต่างสำหรับสลับ User หรือ สร้าง User ใหม่ทันที
พร้อมรูปภาพประกอบ
Google Chrome
แหล่งอ้างอิง
วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ใบงานที่ 2
ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1.เว็บเบราเซอร์ (web browser) หมายถึงอะไร?
ตอบ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล ที่จัดเก็บไว้ที่เว็บเซอร์วิซหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
2. การทำงานของเว็บเบราว์เซอร์?
ตอบ
การทำงานของบริการ WWW นี้จะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับบริการอื่นๆ ของอินเทอร์เน็ต คืออยู่ในรูปแบบไคลเอ็นต์-เซิร์ฟเวอร์ (client - server) โดยมีโปรแกรมเว็บไคลเอ็นต์ (web client) ทำหน้าที่เป็นผู้ร้องขอบริการ และมีโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ (web server) ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ โปรแกรมเว็บไคลเอ็นต์ก็คือโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (web browser) นั่นเอง สำหรับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์นั้นจะถูกติดตั้งไว้ในเครื่องของผู้ให้บริการเว็บไซต์ การิดต่อระหว่างโปรแกรมเว็บบราวเซอร์กับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์จะกระทำผ่านโปรโตคอล HTTP (Hypertext Transfer Protocol)
กลไกการทำงานของเว็บเพจ สำหรับเว็บเพจธรรมดาที่โดยปกติมีนามสกุลของไฟล์เป็น htm หรือ html นั้น เมื่อเราใช้เว็บบราวเซอร์เปิดดูเว็บเพจใด เว็บเซิร์ฟเวอร์ก็จะส่งเว็บเพจนั้นกลับมายังบราวเซอร์ จากนั้นบราวเซอร์จะแสดงผลไปตามคำสั่งภาษา HTML (Hypertext Markup Language) ที่อยู่ในไฟล์
จะเห็นได้ว่าเว็บเพจดังรูปเป็นเว็บเพจที่มีลักษณะ static กล่าวคือ ผู้ใช้จะพบกับเว็บเพจหน้าตาเดิมๆ ทุกครั้งจนกว่าผู้ดูแลเว็บจะทำการปรับปรุงเว็บเพจนั้น นี่คือข้อจำกัดอันมีต้นเหตุมาจากภาษา HTML ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้อธิบายหน้าตาของเว็บเพจ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ HTML สามารถกำหนดให้เว็บเพจมีหน้าตาอย่างที่เราต้องการได้ แต่ไม่ช่วยให้เว็บเพจมี "ความฉลาด" ได้
การสร้างเว็บเพจที่มีความฉลาดสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ การฝังสคริปต์หรือชุดคำสั่งที่ทำงานทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (server-side script) ไว้ในเว็บเพจ
จากรูปเป็นการทำงานของเว็บเพจที่ฝังสคริปต์ภาษา PHP ไว้ (ขอเรียกว่า ไฟล์ PHP) เมื่อเว็บบราวเซอร์ร้องขอไฟล์ PHP ไฟล์ใด เว็บเซิร์ฟเวอร์จะเรียก PHP engine ขึ้นมาแปล (interpret) และประมวลผลคำสั่งที่อยู่ในไฟล์ PHP นั้น โดยอาจมีการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล หรือเขียนข้อมูลลงไปยังฐานข้อมูลด้วย หลังจากนั้นผลลัพธ์ในรูปแบบ HTML จะถูกส่งกลับไปยังบราวเซอร์ บราวเซอร์ก็จะแสดงผลตามคำสั่ง HTML ที่ได้รับมา ซึ่งย่อมไม่มีคำสั่ง PHP ใดๆ หลงเหลืออยู่ เนื่องจากถูกแปลและประมวลผลโดย PHP engine ที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ไปหมดแล้ว
ให้สังเกตว่าการทำงานของบราวเซอร์ในกรณีนี้ไม่ต่างจากกรณีของเว็บเพจธรรมดาที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้เลย เพราะสิ่งที่บราวเซอร์ต้องกระทำคือ การร้องขอไฟล์จากเว็บเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นก็รอรับผลลัพธ์กลับมาแล้วแสดงผล ความแตกต่างจริงๆ อยู่ที่การทำงานทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งกรณีหลังนี้ เว็บเพจที่เป็นไฟล์ PHP จะผ่านการประมวลผลก่อน แทนที่จะถูกส่งไปยังบราวเซอร์เลยทันที
การฝังสคริปต์ PHP ไว้ในเว็บเพจ ช่วยให้เราสร้างเว็บเพจแบบ dynamic ได้ ซึ่งหมายถึงเว็บเพจที่มีเนื้อหาสาระและหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปได้ในแต่ละครั้งที่ผู้ใช้เปิดดู โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ เช่น ข้อมูลที่ผู้ใช้ส่งมาให้ หรือข้อมูลในฐานข้อมูล เป็นต้น
3. ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ มา 3 โปรแกรม?
ตอบ
Google Chrome คือเว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างโดยกูเกิล เหมือนกับ Firefox อ่ะ แต่ เร็ว กว่า สวยกว่า ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงเวอชั่น 4 แล้ว ด้วยการใช้งานที่ง่าย ฟรี และติดตั้งได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่วินาที ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย
- ช่องแถบสำหรับใส่ที่อยู่เว็บก็ใช้เป็นช่องค้นหาได้ด้วย
- สามารถตั้งเลือกค่าให้บุ๊คมาร์คในแต่ละเครื่องปรับตรงกันได้โดยอัตโนมัติ
- สามารถลากแท็บออกจากเบราว์เซอร์เพื่อสร้างหน้าต่างใหม่ และรวมหลายๆ แท็บไว้ในหน้าต่างเดียว
- แท็บทุกแท็บที่กำลังใช้ ทำงานอย่างอิสระในเบราว์เซอร์
- มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับการเข้าชมแบบส่วนตัว
- มีส่วนขยายให้เลือกติดตั้งเพิ่มลงไปตามต้องการ
Opera คืออะไร Opera เป็นเบราเซอร์แบบ All-in-one คือมีทุกอย่างมาให้ครบถ้วนในตัวมัน (มีทั้ง Email Client, IRC client, Feed Reader, BitTorrent และยังมีลูกเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย) Opera เป็นอีกหนึ่ง web browser คล้ายๆ กับ Internet Explorer และ Firefox โดยเดิมที opera เป็น เพียง project หนึ่งเท่านั้น ต่อมาในปี 1995 จึงได้ออกมาก่อตั้งบริษัท ทำเบราเซอร์ขายOpera นั้นเป็น browser ที่โดดเด่นเสมอมา เนื่องด้วยฟังก์ชันที่ก้าวล้ำนำหน้าคนอื่น ความปลอดภัยสูง รวมไปถึงความเร็วสูงด้วย จนในช่วงหนึ่ง Opera ถึงกับโฆษณาว่าเป็น The Fastest Browser เลยทีเดียว
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



