วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โครงงานเรื่องสมุนไพรขัดผิว





ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน
1.ทำให้ได้ทราบถึงสรรพคุณของ ขมิ้น มะเขือเทศ และมะขาม 
2.ทำให้เราได้ลองทำผลิตภัณฑ์ขึ้นใช้เองโดยมีต้นทุนที่ไม่สูงนัก
3.ได้ฝึกทำงานร่วมกันกับเพื่อนในกลุ่มอย่างสามัคคี สร้างสัมพันธ์ที่ดี
4.ได้เผยแพร่ความรู้ที่ตัวเองมีลงในสื่อออนไลน์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
5.ได้ทำโครงงานทั้งสองรูปแบบทั้งแบบรูปเล่มและในblogger


วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

คำศัพท์เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา(Intellectual property)

คำศัพท์เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

1).Education             = การศึกษา
2).Technology           = เทคโนโลยี
3).Copyright              = ลิขสิทธิ์
4).General                 = ทั่วไป
5).Owner                   = เจ้าของ
6).Production            = การผลิต
7).Storage                  = การจัดเก็บข้อมูล
8).Trademark            = เครื่องหมายการค้า
9).Category               = หมวดหมู่
10).Patent                 = สิทธิบัตร
11).Discounted         = ลด
12).Sold                    = ขาย
13).Disc                    = แผ่นดิสก์
14).Store                   = ร้านค้า
15).Public                 = ของประชาชน
16).Communication  = การสื่อสาร
17).Plastic                 = พลาสติก
18).Ministry              = กระทรวง
19).Officials              = เจ้าหน้าที่
20).Bought                = ซื้อ

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สรุปขั้นตอนการแนบไฟล์ในบล็อก

1.สร้างไฟล์ใน Microsoft word ให้เรียบร้อย
2.บันทึกไฟล์ต้นฉบับ
3.ดาวน์โหลดโปรแกรมที่บันทึกไฟล์เป็น PDF 
4.บันทึกไฟล์ต้นฉบับอีกครั้งเเต่เปลี่ยนเป็น PDF
5.เข้าไปที่เว็บ Slide shear  เพื่อที่จะเเชร์ไฟล์ลงไป
6.คัดลอก code embed ที่ได้จากการแชร์มาใส่ในบล็อก โดยเข้าไปตรง HTML
7.นำ code embed วางลงไปในช่องข้อความและจัดตำแหน่งให้เรียบร้อย
8.กดเผยแพร่ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย







วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 3 google chrome

เรื่อง Web Browser ที่นักเรียนชอบมากที่สุด

ให้นักเรียน เลือก Web Browser ที่ชอบมากที่สุด
-Google Chrome
พร้อมหารายละเอียดเกี่ยวกับเว็บนั้นๆ
-Google Chrome เป็นซอฟต์แวร์เว็บเบราว์เซอร์แบบโอเพนซอร์ซ พัฒนาโดยกูเกิล ใช้เว็บคิตเป็นเรนเดอริงเอนจินสำหรับวาดหน้าจอ และนำบางส่วนจากเว็บเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์มาพัฒนาต่อ
โครมมีให้ดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานสำหรับวินโดวส์ และมีภาษาที่ให้ใช้ได้มากกว่า 50 ภาษารวมถึงภาษาไทย รุ่นสำหรับแมคโอเอส และ ลินุกซ์ นั้นกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเปิดให้ทดสอบในอนาคต
ประวัติ
กูเกิลเปิดตัวโครมด้วยหนังสือการ์ตูนความยาวเกือบ 40 หน้า เล่ารายละเอียดของเบราว์เซอร์ เล่าว่าได้ทีมงานพัฒนาเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์และอดีตทีมงานมอซิลลามากกว่า 2 คนร่วมพัฒนา
รูปแบบ
รุ่นทดสอบ 0.2 ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เน้นการจัดการหน่วยความจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพด้านความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ และสิ่งที่แตกต่างจาก ไออี 8 อย่างหน้าตาโปรแกรมให้ใช้งานสะดวกมีการปรับให้แท็บย้ายไปอยู่เหนือแอดเดรสบาร์ (address bar) และการฝังระบบบริการจากกูเกิลและค่ายอื่นลงไป เหมือนกับไฟร์ฟอกซ์ (Firefox) และไออี 8 (IE 8) และยังมีการแสดงรายชื่อมัลแวร์ (malware) หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้าย เพื่อเตือนผู้ใช้ และลูกเล่นอื่น ๆ
ความสามารถ-V8 JavaScript engine - ตัวประมวลผลจาวาสคริปต์ ซึ่งสามารถทำงานได้เร็วกว่าจาวาสคริปต์เอนจินของเว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่น พัฒนาโดยกูเกิลเดนมาร์ก โดยมี ลารส์ บัก เป็นวิศวกรหลัก
-incognito mode (โหมดไม่ระบุตัวตน) - เล่นเว็บโดยไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว โดยเมื่อปิดเบราว์เซอร์ โปรแกรมจะลบข้อมูลส่วนตัวในหน้าเว็บที่เข้าชมออก ไม่เก็บไว้ในระบบ

การใช้งาน
คีย์ลัด บน Google Chrome เชื่อได้ว่า หลายๆท่านอาจจะเคยใช้ คีย์ลัด ที่เป็นของระบบปฏิบัติการ Windows มาบ้าง อย่างน้อยก็ Copy Paste (Ctrl + C , Ctrl + V) ที่น่าจะถูกใช้บ่อยสุด ซึ่งแน่นอนครับว่า มันช่วยในเรื่องของความเร็วในการใช้งาน และ บน Google Chrome ก็เช่นกัน หากเราสามารถใช้คีย์ลัดเหล่านี้ได้คล่อง ก็น่าจะช่วยให้เราใช้งาน Google Chrome ได้ดียิ่งขึ้นแน่นอน 
 - Ctrl + N : ใช้สำหรับ เปิดหน้าต่าง Google Chrome เพิ่มอีกหนึ่งอัน (Open New Window)
 - Ctrl + T : ใช้สำหรับ เปิด Tab ใหม่ ในหน้าต่างเดิม (Open New Tab)
 - Ctrl + Shift + N : เปิด หน้าต่าง Google Chrome เพิ่ม ในโหมด Incognito
 - Ctrl + Shift + T : เปิด Tab ที่เคยปิดไปล่าสุด สูงสุด 10 Tab
 -ALT + F หรือ ALT + E : เปิดเมนูบาร์ Google Chrome
 -Ctrl + Shift + B : เปิด / ปิด แถบ Bookmark
 - Ctrl + H : เปิดดู History
 - Ctrl + J : เปิดดูรายการดาวน์โหลด
 - Shift + ESC : เปิด Google Chrome Task Manager เพื่อดูว่าหน้าไหนที่ทำให้ระบบช้า และเลือกปิดได้
      สำหรับ Incognito Mode นั้น คือ โหมดส่วนตัว ซึ่งข้อมูลเว็บไซต์ที่เราเข้าด้วยโหมดนี้ จะไม่ถูกเก็บลง History นั่นเอง และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจำนวน Shortcut ที่มีอยู่บน Google Chrome นะครับ และถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเยอะจนไม่น่าจะจำได้ แต่ถ้าหากเราใช้บ่อยๆ ในทุกๆวัน ก็น่าจะชินไปเองครับ
เปลี่ยนไอคอน Google Chrome เป็น สีทอง (Gold Version)
       สำหรับฟังก์ชั่นนี้ ไม่น่าจะช่วยเรื่องการใช้งานสักเท่าไหร่ เพียงแต่ อาจจะใช้เพิ่มความหรูให้กับผู้ใช้ได้บ้าง หรือจะเอาไว้โม้เพื่อนว่าเป็นเวอร์ชั่นพิเศษ Gold Edition ก็สามารถทำได้ ซึ่งจริงๆแล้ว เทคนิคนี้ เป็นเพียงแค่การเปลี่ยน Icon เป็นสีทอง ซึ่งเป็นไอค่อนที่ทาง Google ได้แนบมาไว้ให้อยู่แล้วครับ ซึ่งวิธีเปลี่ยนก็ง่ายๆ เลย เพียงแค่คลิกขวาที่ Icon Google Chrome แล้วเลือก Property หลังจากนั้นให้เลือก Change Icon ก็จะเห็น Icon ของ Google Chrome ที่เป็นสีทองมาให้เลือกกัน
Favicon บน แถบ Bookmark        เมื่อเราทำการ Bookmark หน้าเว็บใดๆก็ตาม หน้าที่เราดำเนินการล่าสุด จะถูกเพิ่มลงในแถบ Bookmark ซึ่งจะมี Icon ของเว็บเพจนั้นๆ และตามมาด้วยข้อความของเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งถ้าหากเราต้องการที่จะทำให้ ข้อความเหล่านั้นหายไป เหลือเพียงแค่ Icon ของเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อประหยัดเนื้อที่ และยังสามารถ เพิ่มเว็บไซต์ในแถบ Bookmark ให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้นได้ก็ทำวิธีนี้กันเลย
        ซึ่งวิธีทำนั้นก็ไม่ยากเลยครับ ก่อนอื่น ต้องมั่นใจว่า แถบ Bookmark ได้เปิดไว้ หรือถ้าหากยังไม่ได้เปิด ก็ลองใช้คีย์ลัดที่เราเพิ่งได้อ่านผ่านมาก่อนหน้าดูได้เลย (Ctrl + Shift + B เพื่อเปิดแถบ Bookmark) หลังจากนั้น หากเรามี Bookmark ไว้อยู่แล้ว ให้ทำการคลิกขวาที่ Bookmark ที่เราต้องการจะลบข้อความออก แล้วเลือก Edit เมื่อกดแล้วเราจะเห็นหน้าต่างใหม่เพิ่มขึ้นมา โดยจะมีช่อง Name อยู่ ให้ทำการลบข้อความที่อยู่ในช่อง Name ออกให้หมด แล้วกด Save เพียงเท่านี้ แถบ Bookmark ดังกล่าว ก็จะเหลือแค่ Icon อย่างเดียวเท่านั้น
ตั้งค่าหน้า Home ได้ตามใจ        บราวซ์เซอร์ท่ัวไป อาจจะตั้งหน้า Home หรือหน้าแรก เมื่อเปิดบราวเซอร์ขึ้นมาได้แค่เพียงเว็บไซต์เดียว แต่ถ้าหากเรามีหน้าเว็บที่อยากตั้งเป็นหน้า Home มากกว่าหนึ่งล่ะ Google Chrome ช่วยคุณได้ ซึ่ง บน Google Chrome นั้นสามารถเพิ่มหน้า Home ได้มากกว่าหนึ่งหน้า ซึ่งเมื่อคุณเปิด บราวเซอร์ขึ้นมา ทุกเว็บที่คุณได้ต้ังค่าเอาไว้ จะถูกเปิดมาพร้อมๆกันในครั้งเดียว (แยก Tab) ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยากเลยครับ เพียงแค่เราไปที่เมนู แล้วเลือก Setting หลังจากนั้นให้คลิกเลือกที่ Open a specific page or set of pages และเลือก Setpage ซึ่งในหน้า Setpage นี่เอง ที่เราสามารถเพิ่มเว็บไซต์ต่างๆได้ตามใจชอบ
แกล้งเพื่อนของคุณด้วย Fake Edit
        นี่เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะแกล้งเพื่อนของคุณด้วยวิธีง่ายๆ ถ้าหากคุณสามารถแก้ไขข้อความต่างๆบนเว็บไซต์ชื่อดัง และ เซฟ Screenshot ไปให้เพื่อนดูได้ คิดว่าน่าสนุกขนาดไหน ยกตัวอย่างจากภาพด้านบน เป็นหน้าเว็บที่ถูกแก้ไขหัวข้อของข่าวเป็น บริษัท AMD ซื้อ Intel ด้วยราคา 35 ล้านเหรียญ ซึ่งจะเห็นว่า URL นั้นยังคงเป็น URL เดิม ไม่ต้องเหนื่อยมานั่งตัดต่อด้วย Photoshop อีกด้วย วิธีทำก็ง่ายๆเลยครับ เพียงแค่เราคลิ๊กขวาตรงส่วนไหนก็ตามที่เราอยากแก้ไข แล้วเลือก Inspect Element หลังจากนั้น Google Chrome จะเปิดหน้าต่างสำหรับ Developer ขึ้นมา และมาร์คจุดที่เราเลือกเมื่อสักครู่เอาไว้ ทีนี้ เราแค่ดับเบิ้ลคลิ๊กในส่วนที่อยากจะแก้ แล้วก็พิมข้อความไปได้ตามใจชอบเลยล่ะ
ความคุม Google Chrome ให้ได้ดั่งใจ
      สำหรับ Google Chrome นั้นยังมีหน้าพิเศษ ที่ให้เราสามารถเปิดปิด ความสามารถของ Google Chrome ได้อีกด้วย ซึ่งหากเราลองพิมคำว่า chrome://flags/ ลงไปในช่อง Address ตัวบราวเซอร์เอง ก็จะพามายังหน้า ที่ให้คุณเลือก เปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆได้ตามใจชอบ แต่การเปิดปิด ฟังก์ชั่นต่างๆนั้นอาจจะต้องระวังกันสักนิดนึงนะครับเพราะอาจจะทำให้การเข้าเว็บไซต์ได้ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมนั่นเอง หรือจะลองพิมคำว่า chrome://memory เพื่อดูการใช้งาน Memory ของเครื่อง ว่าใช้ไปมากน้อยแค่ไหน และ chrome://about ในหน้านี้ จะรวมคำสั่งและคีย์ลัดต่างๆเพิ่มเติมอีกมากมาย
สร้าง Account ใหม่ สำหรับผู้ใช้งาน Google Chrome
      หากคุณใช้งาน Google Chrome ร่วมกับคนอื่น อาจจะเจอปัญหาในเรื่องของ History ปนกับคนอื่น Bookmark หรือ แม้แต่พาสเวิร์ดที่เคยกรอกบนเว็บไซต์ต่างๆ แต่บน Google Chrome คุณสามารถแยก Account การใช้งานได้ โดยข้อมูลต่างๆจะถูกเก็บที่ Account นั้นๆ นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง User หรือ สลับการใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่กด Ctrl + Shift + M ก็จะพบกับหน้าต่างสำหรับสลับ User หรือ สร้าง User ใหม่ทันที
พร้อมรูปภาพประกอบ

Google Chrome

แหล่งอ้างอิง


วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 2


ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้

1.เว็บเบราเซอร์ (web browser) หมายถึงอะไร?
ตอบ
คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล ที่จัดเก็บไว้ที่เว็บเซอร์วิซหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ

2. การทำงานของเว็บเบราว์เซอร์?
ตอบ
          การทำงานของบริการ WWW นี้จะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับบริการอื่นๆ ของอินเทอร์เน็ต คืออยู่ในรูปแบบไคลเอ็นต์-เซิร์ฟเวอร์ (client - server) โดยมีโปรแกรมเว็บไคลเอ็นต์ (web client) ทำหน้าที่เป็นผู้ร้องขอบริการ และมีโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ (web server) ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ โปรแกรมเว็บไคลเอ็นต์ก็คือโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (web browser) นั่นเอง สำหรับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์นั้นจะถูกติดตั้งไว้ในเครื่องของผู้ให้บริการเว็บไซต์ การิดต่อระหว่างโปรแกรมเว็บบราวเซอร์กับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์จะกระทำผ่านโปรโตคอล HTTP (Hypertext Transfer Protocol)

          กลไกการทำงานของเว็บเพจ สำหรับเว็บเพจธรรมดาที่โดยปกติมีนามสกุลของไฟล์เป็น htm หรือ html นั้น เมื่อเราใช้เว็บบราวเซอร์เปิดดูเว็บเพจใด เว็บเซิร์ฟเวอร์ก็จะส่งเว็บเพจนั้นกลับมายังบราวเซอร์ จากนั้นบราวเซอร์จะแสดงผลไปตามคำสั่งภาษา HTML (Hypertext Markup Language) ที่อยู่ในไฟล์


       จะเห็นได้ว่าเว็บเพจดังรูปเป็นเว็บเพจที่มีลักษณะ static กล่าวคือ ผู้ใช้จะพบกับเว็บเพจหน้าตาเดิมๆ ทุกครั้งจนกว่าผู้ดูแลเว็บจะทำการปรับปรุงเว็บเพจนั้น นี่คือข้อจำกัดอันมีต้นเหตุมาจากภาษา HTML ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้อธิบายหน้าตาของเว็บเพจ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ HTML สามารถกำหนดให้เว็บเพจมีหน้าตาอย่างที่เราต้องการได้ แต่ไม่ช่วยให้เว็บเพจมี "ความฉลาด" ได้

        การสร้างเว็บเพจที่มีความฉลาดสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ การฝังสคริปต์หรือชุดคำสั่งที่ทำงานทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (server-side script) ไว้ในเว็บเพจ




        จากรูปเป็นการทำงานของเว็บเพจที่ฝังสคริปต์ภาษา PHP ไว้ (ขอเรียกว่า ไฟล์ PHP) เมื่อเว็บบราวเซอร์ร้องขอไฟล์ PHP ไฟล์ใด เว็บเซิร์ฟเวอร์จะเรียก PHP engine ขึ้นมาแปล (interpret) และประมวลผลคำสั่งที่อยู่ในไฟล์ PHP นั้น โดยอาจมีการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล หรือเขียนข้อมูลลงไปยังฐานข้อมูลด้วย หลังจากนั้นผลลัพธ์ในรูปแบบ HTML จะถูกส่งกลับไปยังบราวเซอร์ บราวเซอร์ก็จะแสดงผลตามคำสั่ง HTML ที่ได้รับมา ซึ่งย่อมไม่มีคำสั่ง PHP ใดๆ หลงเหลืออยู่ เนื่องจากถูกแปลและประมวลผลโดย PHP engine ที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ไปหมดแล้ว

       ให้สังเกตว่าการทำงานของบราวเซอร์ในกรณีนี้ไม่ต่างจากกรณีของเว็บเพจธรรมดาที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้เลย เพราะสิ่งที่บราวเซอร์ต้องกระทำคือ การร้องขอไฟล์จากเว็บเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นก็รอรับผลลัพธ์กลับมาแล้วแสดงผล ความแตกต่างจริงๆ อยู่ที่การทำงานทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งกรณีหลังนี้ เว็บเพจที่เป็นไฟล์ PHP จะผ่านการประมวลผลก่อน แทนที่จะถูกส่งไปยังบราวเซอร์เลยทันที

     การฝังสคริปต์ PHP ไว้ในเว็บเพจ ช่วยให้เราสร้างเว็บเพจแบบ dynamic ได้ ซึ่งหมายถึงเว็บเพจที่มีเนื้อหาสาระและหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปได้ในแต่ละครั้งที่ผู้ใช้เปิดดู โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ เช่น ข้อมูลที่ผู้ใช้ส่งมาให้ หรือข้อมูลในฐานข้อมูล เป็นต้น

3. ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ มา 3 โปรแกรม?
ตอบ

          Firefox เป็นเบราว์เซอร์ประเภทกราฟิก หลายคนคงคิด อ้าว! แล้วเบราว์เซอร์แบบที่ไม่เป็นกราฟฟิกเป็นยังไง มันก็เป็นแบบตัวหนังสืออย่างเดียวเลยไง ซึ่งเจ้าเบราว์เซอร์ตัวแรกของมนุษยชาติก็คือ WorldWideWeb ลองดูตามรูป มีแต่ตัวหนังสือเพียบ ท่าทางเล่นแล้วจะเหนื่อย (เห็นแล้วสงสาร geek ในสมัยนั้นจริงๆ) ไฟร์ฟอกซ์ตัวนี้ได้ถือกำเนิดจากผลพวงของสงครามเบราว์เซอร์ในทศวรรษที่ 90 โดยตัวไฟร์ฟอกซ์ได้แยกตัวออกมาจาก Mozilla Suite หรืออีกชื่อหนึ่งคือ SeaMonkey ซึ่ง SeaMonkey ก็เป็นชุดโปรแกรมอินเทอร์เน็ตที่มี เว็บเบราว์เซอร์ โปรแกรมอีเมล์ โปรแกรมสร้างเว็บ โปรแกรมไออาร์ซี แอดเดรสบุก แต่เป็นเพราะ Seamonkey นั้นมีขนาดใหญ่ Mozilla ก็ได้ลองเปลี่ยนแผนการพัฒนาจากชุดโปรแกรมอินเทอร์เน็ตก็แตกย่อยออกเป็น เว็บเบราว์เซอร์ (Mozilla Firefox) และ โปรแกรมอีเมล์ (Mozilla Thunderbird) เดิมทีนั้นไฟร์ฟอกซ์นั้นไม่ได้ชื่อ Mozilla Firefox ตั้งแต่ต้น ชื่อเริ่มแรกเลยก็คือ Mozilla Phoenix แต่ชื่อดันไปซ้ำกับบริษัท Phoenix Technologies ผู้ผลิต Bios ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราๆท่านๆใช้กันอยู่นี้เอง ในวันที่่ 14เมษายน 2546 จึงต้องยกเลิกชื่อนี้ไป จากนั้นไม่กี่วันทาง Mozilla ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาอีกเป็น Mozilla Firebird ที่ทาง Mozilla อยากได้ชื่อนี้ก็เพราะว่า Firebird นั้น บางตำนานก็เชื่อว่าคือ Phoenix แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ชื่อนี้ดันไปซ้ำกับโครงการฐานข้อมูลโอเพนซอร์สที่ชื่อว่า FirebirdSQL ในตอนแรกทาง Mozilla ไม่อยากที่จะเปลี่ยนชื่อเท่าไหร่แต่ก็ถูกทาง FirebirdSQL กดดันหนักขึ้นเรื่อยๆจนทาง Mozilla ต้องจำใจยอมปล่อยชื่อ Firebird ไป คราวนี้ Mozillaได้รับบทเรียนมามากมายเกี่ยวกับชื่อ และทาง Mozilla ต้องหาชื่อที่ไม่เป็นปัญหากับโครงการใดๆเลยในโลกนี้ ทีมงานใน Mozilla ช่วยกันคิดชื่อออกมาประมาณ 200 รายชื่อ โดยความหมายต้องไปในทางเดียวกับ 2 ชื่อแรก และในที่สุดก็ได้ชื่อออกมานั้นก็คือ Mozilla Firefox แต่ทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ยังมีปัญหาขึ้นอีกเมื่อทาง Mozilla ได้ไปเจอว่าชื่อ Firefox นั้นมีคนเคยจดแล้ว แต่ด้วยความมานะอดทนของทีมงานและทนายความที่ช่วยกันเจรจา จนในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547 Mozilla จึงได้ชื่อ Mozilla Firefox ออกมาเป็นของตัวเองในที่สุด และนายเบน กูดเจอร์ ก็ฝากข้อคิดมา ด้วยว่า ควรให้ความสำคัญในขั้นตอนการตั้งชื่อด้วย ควรทำการบ้านมาให้ดีก่อนที่จะตั้งชื่อโปรเจ็คอะไรสักอย่าง มิเช่นนั้นจะเป็นเหมือนกับเขาที่ต้องเปลี่ยนชื่อถึง 2 รอบ





          Google Chrome คือเว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างโดยกูเกิล เหมือนกับ Firefox อ่ะ แต่ เร็ว กว่า สวยกว่า ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงเวอชั่น 4 แล้ว ด้วยการใช้งานที่ง่าย ฟรี และติดตั้งได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่วินาที ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย

- ช่องแถบสำหรับใส่ที่อยู่เว็บก็ใช้เป็นช่องค้นหาได้ด้วย

- สามารถตั้งเลือกค่าให้บุ๊คมาร์คในแต่ละเครื่องปรับตรงกันได้โดยอัตโนมัติ

- สามารถลากแท็บออกจากเบราว์เซอร์เพื่อสร้างหน้าต่างใหม่ และรวมหลายๆ แท็บไว้ในหน้าต่างเดียว

- แท็บทุกแท็บที่กำลังใช้ ทำงานอย่างอิสระในเบราว์เซอร์

- มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับการเข้าชมแบบส่วนตัว

- มีส่วนขยายให้เลือกติดตั้งเพิ่มลงไปตามต้องการ



        Opera คืออะไร Opera เป็นเบราเซอร์แบบ All-in-one คือมีทุกอย่างมาให้ครบถ้วนในตัวมัน (มีทั้ง Email Client, IRC client, Feed Reader, BitTorrent และยังมีลูกเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย) Opera เป็นอีกหนึ่ง web browser คล้ายๆ กับ Internet Explorer และ Firefox โดยเดิมที opera เป็น เพียง project หนึ่งเท่านั้น ต่อมาในปี 1995 จึงได้ออกมาก่อตั้งบริษัท ทำเบราเซอร์ขายOpera นั้นเป็น browser ที่โดดเด่นเสมอมา เนื่องด้วยฟังก์ชันที่ก้าวล้ำนำหน้าคนอื่น ความปลอดภัยสูง รวมไปถึงความเร็วสูงด้วย จนในช่วงหนึ่ง Opera ถึงกับโฆษณาว่าเป็น The Fastest Browser เลยทีเดียว



วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อินเทอร์เน็ต (Internet)



อินเทอร์เน็ต (Internet)


1.ความหมายของอินเทอร์เน็ต
ตอบ หมายถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้

2.ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
ตอบ  อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าด้วยกันเรียกว่า "เครือข่ายไทยสาร"
         การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม บริษัทอินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย


วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

งานคู่

สมาชิก
1.ปัณปภา คำนนท์ 5/3 29
2.นางสาว วรรณิภา วงศ์แวว 5/3 30


วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

คำสั่งเเทรกรูปภาพ

<html>
      <head>
          <title>
              Insert Images : การแทรกภาพ
          </title>
      </head>
      <body background="bgimage.gif">
            ข้อความที่แสดงในส่วนเนื้อหา
            <img src="kerokero.gif">
      </body>
</html>
ตัวอย่างการแสดงผลจากคำสั่งด้านซ้ายมือ

ข้อความที่แสดงในส่วนเนื้อหา
Kerokero
              จะสังเกตได้ว่าคำสั่ง IMG นี้เป็นคำสั่งเดี่ยวไม่ต้องมีคำสั่งปิด เมื่อมีการเก็บรูปภาพไว้ในโฟลเดอร์ใดเป็นการเฉพาะ จะต้องกำหนดเส้นทางชี้ไปยังรูปภาพให้ถูกต้องด้วย เช่น เมื่อเก็บรูปภาพไว้ในโฟลเดอร์ชื่อ images เราจะต้องอ้างในคำสั่งเป็น <IMG SRC="images/name.gif"> หากอ้างผิดไฟล์ภาพนั้นก็จะไม่แสดงดังตัวอย่างภาพนี้ เพราะไม่มีรูปนี้อยู่จริง

หากเราต้องการแสดงรูปให้มีขนาดต่างจากขนาดจริงของภาพ ก็สามารถทำได้ด้วยการกำหนดเพิ่มในส่วนของความกว้าง ความยาวของรูปภาพ ดังตัวอย่าง ภาพแรกคือภาพขนาดจริง ภาพที่สองเป็นการลดขนาดลง และภาพที่สามเป็นการเพิ่มขนาดขึ้น
<html>
      <head>
          <title>
              Insert Images : การกำหนดขนาดภาพ
          </title>
      </head>
      <body>
            แสดงการกำหนดขนาดภาพ<br>
            <img src="daffy.gif"><br>
            <img src="daffy.gif" width="50" height="51"><br>
            <img src="daffy.gif" width="150" height="153"><br>
      </body>
</html>
ตัวอย่างการแสดงผลจากคำสั่งด้านซ้ายมือ

แสดงการกำหนดขนาดภาพ
Daffy
Daffy
Daffy


ytEND : สรุปคำสั่งที่ใช้ในบทนี้
TAGSรายละเอียด
<br>
<p> ... </p>
คำสั่งกำหนดการตัดคำขึ้นบรรทัดใหม่ ณ ตำแหน่งที่แทรกคำสั่งนี้ <br>
คำสั่งกำหนดย่อหน้าข้อความ (จะเว้นบรรทัดทั้งก่อนหน้าและหลังย่อหน้านั้น 1 บรรทัด)
&nbsp;การแทรกช่องว่างมากกว่า 1 เคาะวรรคด้วยการแทรกชุดอักขระพิเศษนี้แทน (1 ชุดแทน 1 เคาะวรรค)
<blockqoute> ,
<p style="text-indent:x">
การกำหนดการเยื้องข้อความให้ห่างจากขอบทั้งซ้ายและขวา
การเยื้องย่อหน้าในบรรทัดแรก x เป็นตัวเลขระบุหน่วยพิกเซล แสดงผลได้ดีใน IE บราวเซอร์อื่นอาจเพี้ยนได้ สามารถใช้การแทรกอักขระพิเศษ (ชุดอักษรว่าง) ตามจำนวนเคาะวรรคที่ต้องการเยื้องแทนได้
<div align="left/center/right">การกำหนดการจัดวางตำแหน่งของข้อความหรือรูปภาพ ค่าปกติคือซ้าย
<img src="name">คำสั่งการแทรกรูปภาพในตำแหน่งต่างๆ name คือชื่อรูปภาพชนิด JPG, GIF, PNG

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

ใบงาน html


ใบงาน  html

ให้สรุปคำสั่ง html มา 5 คำสั่ง



1.<ADDRESS>...</ADDRESS>     แสดงข้อความระบุสถานที่ติดต่อโดยเฉพาะ
2.<OL> ...  </OL>                          แสดงรายการข้อมูลแบบแจกแจงเป็นข้อๆ โดยเรียงลำดับ
3.<BR>...                                        กำหนดจุดสิ้นสุดบรรทัด (ขึ้นบรรทัดใหม่)
4.<DIR>... </DIR>                         แสดงรายการข้อมูลแบบแจกแจงเป็นข้อๆ ชนิดหลายคอลัมน์
5.<HEAD> ... </HEAD>                กำหนดขอบเขตส่วนหัวของเว็บเพจ

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 6

1.หลักการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถึงอะไร?
ตอบ    การโปรแกรมแบบมีโครงสร้าง หรือ การโปรแกรมโครงสร้าง คือ การกำหนดขั้นตอนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานโดยมีโครงสร้างการควบคุมพื้นฐาน 3 หลักการ ได้แก่ การทำงานแบบตามลำดับ(Sequence) การเลือกกระทำตามเงื่อนไข(Decision) และ การทำซ้ำ(Loop)
ตำราหลายเล่มจะขยายความออกไปว่า Decision แยกเป็น If และ Case ส่วน Loop แยกเป็น While และ Until ถ้าแยกให้ละเอียดก็อาจได้ถึง 5 หลักการ แต่ในที่นี้ขอนำเสนอไว้เพียง 3 หลักการ ดังนี้
2.1 การทำงานแบบตามลำดับ(Sequence) คือ การเขียนให้ทำงานจากบนลงล่าง เขียนคำสั่งเป็นบรรทัด และทำทีละบรรทัดจากบรรทัดบนสุดลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุด สมมติให้มีการทำงาน 3 กระบวนการคือ อ่านข้อมูล คำนวณ และพิมพ์ จะเขียนเป็นผังงาน(Flowchart) ในแบบตามลำดับได้ตามภาพ
2.2 การเลือกกระทำตามเงื่อนไข(Decision) คือ การเขียนโปรแกรมเพื่อนำค่าไปเลือกกระทำ โดยปกติจะมีเหตุการณ์ให้ทำ 2 กระบวนการ คือเงื่อนไขเป็นจริงจะกระทำกระบวนการหนึ่ง และเป็นเท็จจะกระทำอีกกระบวนการหนึ่ง แต่ถ้าซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้เงื่อนไขหลายชั้น เช่นการตัดเกรดนักศึกษา เป็นต้น ตัวอย่างผังงานนี้ จะแสดงผลการเลือกอย่างง่าย เพื่อกระทำกระบวนการเพียงกระบวนการเดียว
2.3 การทำซ้ำ(Repeation or Loop) คือ การทำกระบวนการหนึ่งหลายครั้ง โดยมีเงื่อนไขในการควบคุม หมายถึงการทำซ้ำเป็นหลักการที่ทำความเข้าใจได้ยากกว่า 2 รูปแบบแรก เพราะการเขียนโปรแกรมแต่ละภาษา จะไม่แสดงภาพอย่างชัดเจนเหมือนการเขียนผังงาน(Flowchart) ผู้เขียนโปรแกรมต้องจินตนาการ ถึงรูปแบบการทำงาน และใช้คำสั่งควบคุมด้วยตนเอง ตัวอย่างผังงานที่นำมาแสดงนี้เป็นการแสดงคำสั่งทำซ้ำ(do while) ซึ่งหมายถึงการทำซ้ำในขณะที่เป็นจริง และเลิกการทำซ้ำเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ

          ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ้เขียนโปรแกรมจะต้องเข้าใจหลักเกณฑ์ของภาษา
โปรแกรม และระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ ว่ามีโครงสร้างและวิธีการใช้คำสั่งอย่างไร ซึ่งในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีหลักเกณฑ์การเขียนโปรแกรม ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนดังนี้คือ
1. ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหา
2. กำหนดแผนในการแก้ปัญหา
3. เขียนโปรแกรมตามแผนที่กำหนด
4. ทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรม
5. นำโปรแกรมที่ผ่านการทดสอบไปใช้งาน

2.โปรเเกรมภาษาคืออะไร?
ตอบการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเขียนด้วยภาษาระดับสูงหรือภาษาระดับต่ำ เราจะต้องแปลงภาษาเหล่านั้นให้เป็นรหัสภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์เข้าใจเสียก่อน คอมพิวเตอร์จึงจะทำงานได้ การเขียนคำสั่งนี้ไม่ว่าจะเขียนด้วยภาษาอะไรจะเรียกว่า โปรแกรมต้นฉบับ
       การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาแอสเซมบลีจะต้องใช้ตัวแปลภาษาให้เป็นภาษาเครื่อง ตัวแปลนี้เรียกว่า แอสเซมเบอร์

3.ตัวอย่างโปรเเกรมคอมพิวเตอร์ ที่เขียนด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ 1 โปรเเกรม (อาจเป็นรูปภาพ,code หรืออื่นๆ)
ตอบ Pascal Program

Code สี Html

http://xn--code-3jovd.plus.in.th/

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 5

การเขียนผังงาน (Flowchart)

1.ความหมายของการเขียนผังงาน (Flowchart)คืออะไร ?
ตอบ คือ รูปภาพ (Image) หรือสัญลักษณ์(Symbol) ที่ใช้เขียนแทนขั้นตอน คำอธิบาย ข้อความ หรือคำพูด ที่ใช้ในอัลกอริทึม (Algorithm) เพราะการนำเสนอขั้นตอนของงานให้เข้าใจตรงกัน ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง ด้วยคำพูด หรือข้อความทำได้ยากกว่า

2.สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเขียนผังงาน ?
ตอบ    สัญลักษณ์ Flowchart



3.การเขียนผังงาน  /  ตัวอย่าง ?
ตอบ ตัวอย่างที่ 1 ผังงานการต้มบะหมี่สำาเร็จรูป



ตัวอย่างที่ 2 ผังงานหาพื้นที่สี่เหลี่ยม


ตัวอย่างที่ 3 ผังงานตัดสินผลการเข้าร่วมกิจกรรม

                
                             




  


วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่4

ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้

1.การถ่ายทอดความคิดในการแก้ปัญหาด้วยอัลกอลิทึม(การเขียนรหัสจำลอง)หมายถึงอะไร?
ตอบ คือ กระบวนการ การทำงานที่ใช้การตัดสินใจ โดยนำหลักเหตุผลและคณิตศาสตร์มาช่วยเลือกวิธีการหรือขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป จนกระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้าย เป็นวิธีการที่ใช้แยกย่อยและเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการในการทำงานต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและแก้ไขปัญหา

2.เครื่องมือที่ใช้ในการจำลองความคิด มีอะไรบ้าง?
ตอบ มี 2 ชนิด คือ
1. ข้อความหรือคำบรรยาย เป็นการเขียนเค้าโครงการบรรยายเป็นภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสาร กันเพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมแต่ละตอน ในบางครั้งอาจใช้คำสั่ง ของภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมได้
2. สัญลักษณ์ เครื่องหมายรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งใช้สำหรับสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกัน
โดยมีรูปแบบต่าง ๆ

3.การเขียนรหัสจำลองทำอย่างไรบ้าง?
ตอบรหัสลำลองหรือ pseudocode เป็นคำบรรยายที่เขียนแสดงขั้นตอนวิธี(algorithm) ของการเขียนโปรแกรม โดยใช้ภาษาที่กะทัดรัด สื่อสารกับโปรแกรมเมอร์ผู้เขียนโปรแกรม โดยอาจใช้ภาษาที่ใช้ทั่วไปและอาจมีภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมประกอบ แต่ไม่มีมาตรฐานแน่นอนในการเขียน pseudocode และไม่สามารถนำไปทำงานบนคอมพิวเตอร์โดยตรง(เพราะไม่ใช่คำสั่งในภาษาคอมพิวเตอร์) และไม่ขึ้นกับภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง นิยมใช้ pseudocode แสดง algorithmมากกว่าใช้ผังงาน เพราะผังงานอาจไม่แสดงรายละเอียดมากนักและใช้สัญลักษณ์ซึ่งทำให้ไม่สะดวกในการเขียน เช่นโปรแกรมใหญ่ ๆ มักจะประกอบด้วยคำสั่งต่างๆที่ใกล้เคียงกับภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมจริงๆ เช่น begin…end, if…else, do…while, while, for, read และ print การเขียนรหัสจำลองจะต้องมีการวางแผนสำหรับการอ้างอิงถึงข้อมูลต่างๆที่จะใช้ในโปรแกรมด้วยการสร้างตัวแปร โดยใช้เครื่องหมายเท่ากับ (=) แทนการกำหนดค่าให้กำหนดตัวแปรนั้นๆ



                                

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่3

         กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ


1.ความหมายกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตอบ
กระบวนการเทคโนโลยี (Technological Process). คือ ขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อความต้องการซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากทรัพยากรให้เป็นผลผลิตหรือผลลัพธ์ระบบเทคโนโลยีประกอบด้วยกระบวนการเทคโนโลยีก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอย ตามที่มนุษย์ต้องการและเปลี่ยนแปลงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์


2.มีกี่ขั้นตอนอะไรบ้าง?
ตอบ มี 6 ขั้นตอน

1.การรวบรวมข้อมูล
       วิธีการดำเนินการ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล และบันทึกข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพื่อการประมวลผล เช่น บันทึกในแฟ้ม เอกสาร บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ จดบันทึกไว้ในสมุด เป็นต้น

2.การตรวจสอบข้อมูล
       ขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลในลักษณะต่างๆ เช่น การตรวจสอบ เพื่อหาข้อผิดพลาด ความน่าเชื่อถือ ความสมเหตุสมผล เพื่อให้มีความมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้รับการรวบรวมและบันทึกไว้อย่างถูกต้อง
3.การประมวลผลข้อมูล
       หมายถึง วิธีการดำเนินการกระทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ข้อมูล การประมวลผลสารสนเทศข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียง ที่เกี่ยวกับคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่างๆหรือสิ่งที่ยอมรับว่าเป็นความจริง สำหรับใช้เป็นหลักอนุมาน
4.การจัดเก็บข้อมูล
      การเก็บรักษาข้อมูลเพื่อการบริหาร โดยเก็บไว้ในรูปแบบต่างๆ
5.การคิดวิเคราะห์
      ขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อสรุปความสำคัญของข้อมูลสารสนเทศให้ตรงสภาพที่เป็นจริงตรงตามวัตถุประสงค์ก่อนที่จะนำข้อมูลมาใช้
6.การนำข้อมูลไปใช้
      การนำข้อมูลไปใช้ในลักษณะต่างๆ


3.ประโยชน์ของการเเก้ไขปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตอบ 1. ใช้ในการวางแผนการบริหาร
         2. ใช้ประกอบการตัดสินใจ
         3. ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
         4. เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ ลดความซ้ำซ้อน





อ้างอิง 
https://sites.google.com/site/krabwnkarthekhnoloyi/home

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่1


1.ภาษา HTML หมายถึงอะไร ?
ตอบ หมายถึง ภาษาที่ใช้ Tag ในการกำหนดการเเสดงผลเว็บเพจที่ต่างก็เชื่อมโยงถึงกันใน Hyperspace ผ่าน Hyperlink


2.โปรแกรมที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจด้วยภาษา HTML มีโปรแกรมใดบ้าง ยกตัวอย่างมา 2 โปรแกรม ?
ตอบ 1.Note pad
        2.Edit Plus






                  ใบงานที่ 2


1.ภาษาคอมพิวเตอร์หมายถึง?
ตอบ เครื่องมือที่มนุษย์ใช้สื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยแต่ละภาษาจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจน มีคำศัพท์ที่ใช้จำนวนจำกัด

2.ภาษาคอมพิวเตอร์มี กี่ระดับ อะไรบ้าง?
ตอบ 5 ระดับ
  1. ภาษาเครื่อง(Machine Languages)
  2. ภาษาแอสแซมบลี(Assembly Languages)
  3. ภาษาระดับสูง(High-level Languages)
  4. ภาษาระดับสูงมาก(Very High-level Languages)
  5. ภาษาธรรมชาติ(Natural Languages)

3.จงเขียนชื่อภาษาคอมพิวเตอร์ มา 5 ข้อ
ตอบ Fortran : ภาษาระดับสูงภาษาแรก เป็นภาษาโปรแกรมที่ใช้งานด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และ                               ด้านคณิตศาสตร์ ภาษาฟอร์เทน  จะประกอบด้วยข้อความ คำสั่ง ทีละบรรทัด
       Colbol : ภาษาโปรแกรมสำหรับธุรกิจ ที่มีลักษณะคล้ายกับภาษาอังกฤษ และที่สำคัญคือ เป็นภาษา                                     โปรแกรมที่อิสระจากเครื่อง หมายความ  ว่า โปรแกรมที่เขียนขึ้นใช้งานบนคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง                         เพียงแค่ปรับปรุงเล็กน้อยก็สามารถรันได้บนคอมพิวเตอร์อีกชนิด หนึ่ง
       PL/1 : เป็นภาษาที่เรียนรู้ง่าย ใช้งานทั้งด้านวิทยาศาสตร์ และด้านธุรกิจ ดังนั้นภาษานี้จะมีขนาดใหญ่ มี                         option มาก
       ALP : เป็นภาษที่เหมาะสมกับการทำตาราง มีสัญลักษณ์ต่างๆ มาก
       Logo : เป็นภาษาย่อยของ lisp เป็นโปรแกรมสำหรับเด็ก มีการสนทนาโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ โดยใช้                            "เต่า" เป็นสัญลักษณ์โต้ตอบกับคำสั่งง่ายเช่น forward, left



วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

แนะนำตัวเอง

นางสาว วรรณิภา วงศ์แวว ม.5/3 เลขที่ 30

ชื่อเล่น แป้ง อายุ 16 ปี

เกิดวันที่ 16 กรกฎาคม 2541

กำลังศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3

โรงเรียน อัสสัมชัญระยอง

ที่อยู่ 81/1 ม.1 ตำบล ห้วยยาง อำเภอแกลง จังหวัด ระยอง 21110

Tel  098-4141353

Contact:pang_vg